การวิปัสสนาคือหนทางในการทำความเข้าใจตัวตนภายใน การวิปัสสนาของชาวพุทธคือระบบที่เสริมสร้างพลังและสร้างสมาธิ ความกระจ่างชัด พลังความกระตือรือร้น และการเฝ้าสังเกตแนวคิดที่แท้จริงเบื้องหลังสรรพสิ่งอย่างเงียบสงบ การฝึกวิปัสสนาทำให้ผู้คนได้เรียนรู้รูปแบบและนิสัยของจิตตนและยังเป็นหนทางในการสร้างวิธีชีวิตใหม่ที่ดียิ่งขึ้นด้วย
การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณเป็นองค์ประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของศรีลังกา เพราะที่นี่เป็นดินแดนแห่งจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยสถานที่สักการะ สถานที่แสวงบุญ และอนุสรณ์ทางศาสนาต่างๆ เป็นต้น ระบบการวิปัสสนาแบบพุทธและวิธีการเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณโดยมีความช่วยเหลือจากพระชาวพุทธในศรีลังกาที่มีทักษะและความรู้เป็นอย่างดี
การท่องเที่ยวศรีลังการะบุว่ามีศูนย์วิปัสสนาราว 20 แห่ง ตั้งอยู่นอกเมืองโคลัมโบ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางสู่สัจธรรมแห่งชีวิต
ศูนย์การท่องเที่ยวแบบพุทธนานาชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2018 พร้อมๆ กับการเฉลิมฉลองวันท่องเที่ยวโลก และตั้งอยู่ห่างจากโคลัมโบประมาณ 125 กม. ที่วัดถ้ำริดิวิหาร โดยเป็นผลลัพธ์จากการประชุมการท่องเที่ยวแบบพุทธนานาชาติครั้งแรกภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่เรียบง่ายและทางสายกลางสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงศาสนาแบบมีส่วนร่วมรับผิดชอบ” ที่ริดิวิหารในเมืองคุรุเนกาละ ซึ่งจบลงอย่างประสบความสำเร็จ วัตถุประสงค์ในการตั้งศูนย์การท่องเที่ยวแบบพุทธนานาชาติก็คือการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องปรัชญา วัฒนธรรม ศีลธรรม และจิตวิญญาณแบบพุทธให้แก่ชาวพุทธและที่ไม่ใช่พุทธ ซึ่งเดินทางมาเยือนศรีลังกาจากรอบโลก ศูนย์การท่องเที่ยวแบบพุทธนานาชาติจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบพุทธในศรีลังกาต่อไปในอนาคต
อาศรมเขาหินเป็นศูนย์วิปัสสนาซึ่งตั้งอยู่ลึกในพื้นที่ภูเขาตอนกลางใกล้กับเมืองแคนดี้ ซึ่งเดินทางเข้าไปถึงได้อย่างง่ายดายจากโคลัมโบ ธรรมชาติที่แวดล้อมอาศรมอยู่นั่นไม่ได้ถูกทำลายไปและยังมอบทิวทัศน์ที่สวยงามน่าประทับใจรวมถึงโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับสัตว์และพืชพรรณประจำเขตร้อนเขียวขจีของประเทศด้วย
ที่นี่เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนโดยรัฐบาลศรีลังกาและอุทิศเพื่อการกุศล ศูนย์ซึ่งตั้งอยู่บนเขาประกอบไปด้วยอาราม บริเวณสำหรับสุภาพบุรุษ บริเวณสำหรับแม่ชี และบริเวณสำหรับสุภาพสตรี
ในช่วงพุทธชยันตี 2,500 ปีพระพุทธศาสนาในศรีลังกาได้รับการฟื้นฟูครั้งใหญ่ เกิดความสนใจในการวิปัสสนาอีกครั้ง เซอร์จอห์น โกตเตลาวาละ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นได้จัดให้มีการหารือถึงสิ่งที่สามารถดำเนินการได้ ในระหว่างการประชุม เอกอัครราชทูตแห่งเมียนมาร์ในเวลานั้น นายอูบาวิน ได้เสนอว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำก็คือการส่งเสริมวิธีการวิปัสสนากรรมฐานแก่ชาวศรีลังกา ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาอิ่มเอมใจได้อย่างล้นเหลือ ดังนั้นสมาคมวิปัสสนากรรมฐานลังกาจึงถูกก่อตั้งขึ้นมา
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ.1955 ตัวแทนพระเถระพม่าจำนวนสี่องค์ซึ่งนำโดยอูสาจาตา ผู้ช่วยคนสนิทของมหาสิ สายะดอว์ ได้เดินทางมาถึงศรีลังกา ภายใต้การแนะนำของพวกเขาและความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่น ศูนย์วิปัสสนาก่อสร้างเสร็จสิ้นในเวลาเพียงหกเดือนที่คันดุโบดะ ชายเมืองที่เงียบสงบห่างจากโคลัมโบ 25 กม.
นิลลัมเบอยู่นอกแคนดี้ไปไม่ไกล และเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ปลีกวิเวกที่มีหลักสูตรน่าสนใจและเข้มข้น ผู้เข้าฝึกต้องปิดโทรศัพท์มือถือและหยุดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ไม่มีการรับผู้เข้าฝึกขาจร ดังนั้น ท่านต้องเข้าไปตรวจสอบหลักสูตรที่จะเปิดอบรมได้ที่ (http://nilambe.net/upcoming-programs.php) และเข้าร่วมการฝึกตั้งแต่ต้นจนจบ.
ผู้เข้าฝึกต้องตื่นแต่เช้าทุกเช้าเมื่อได้ยินเสียงฆ้องและจากนั้นก็จะเข้ารับการฝึกวิปัสสนาแบบมีผู้นำ นอกจากนั้นยังต้องสวดมนตร์เล็กน้อยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกวิปัสสนา เอกลักษณ์ของที่นี่คือความเข้มข้นในการปฏิบัติธรรม
ศูนย์วิปัสสนาปารามิตตะ ตั้งอยู่บนยอดเนินคาดุกันนาวะที่มองเห็นที่ราบซึ่งทอดตัวอยู่เบื้องล่างแบบทุกมุม ซึ่งก่อนหน้าที่เคยเป็นไร่ชามาก่อน เนินเขาแบบขั้นบันได ป่าหนาทึบและต้นชาเก่า เถ้าพริกไทย ขนุน อโวคาโด จันทน์เทศ และต้นกานพลูดึงดูดสัตว์ป่ามากมาย ลิงแสมหางยาวอาศัยอยู่ร่วมกับกระรอก นกพื้นเมือง และมนุษย์ที่เป็นดั่งพี่น้อง ศูนย์แห่งนี้ถูกสร้างให้เป็นที่พักทางจิตวิญญาณสำหรับทั้งพระสงฆ์และผู้มาเยือน
ที่นี่อยู่ห่างจากเสียงดังและความวุ่นวายของโคลัมโบ จึงเป็นสถานที่ชำระล้างจิตวิญญาณได้เป็นอย่างดีด้วยสภาพแวดล้อมและพื้นที่รอบตัว
ศูนย์ศรีสุโพธาราม ตั้งอยู่ที่พื้นที่ภูเขาของศรีลังกาล้อมรอบด้วยเทือกเขาเขียวขจีในม่านหมอก ก่อให้เกิดเป็นพื้นที่ราบที่สงบงดงามอย่างอัมบุลุวาวะ นิลัมเบ และเปราเดนิยะ มีเด็กมากกว่า 1,500 คนที่มาเข้าร่วมโรงเรียนสอนธรรมะวันอาทิตย์เพื่อศึกษาคำสอนแบบพุทธและฝึกพระวินัย
ศรีโพธารามเป็นองค์กรการกุศลและอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของสมาคมสุโพธารามศาสนาเสวะ
ศูนย์วิปัสสนาที่หลักสูตรเป็นแบบสยากิ อูบา ขิ่น แบบดั้งเดิมที่สอนโดย เอส. เอ็น. โกเอ็นก้า ศูนย์ตั้งอยู่ในไร่ชาร้างบนลาดเขาที่มีทิวทัศน์สวยงามและอากาศเย็นสบาย ที่นี่เปิดสอนเพียงหลักสูตรเข้มข้น 10 วันเท่านั้นสำหรับทั้งชายและหญิง ผู้เข้าร่วมหลักสูตรไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุย เว้นแต่จะพูดคุยกับผู้สอนเท่านั้น และยังมีกลุ่มนั่งวิปัสสนาหลายกลุ่มในช่วงกลางวันด้วย
มหาเมียวนะ อัมวาธุระภาวนาเคยเป็นบ้านเก่ามาก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นศูนย์วิปัสสนา ทุกวันนี้ที่นี่ได้รับความนิยมมากเสียจนกลายมาเป็นสถานที่ต้องห้ามพลาดระหว่างทางไปยังคาดุเวละ
พระคุณเจ้าคิริบาทโกดะ กานนานันทะได้รวบรวมช่างฝีมือมาจากทั่วประเทศและมีเพียงแรงงานจากสหายผู้ใจดีที่นั่นเท่านั้นในการริเริ่มก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ให้เห็นทุกวันนี้
หากกำลังมองหาสรวงสวรรค์แห่งความเงียบสงบก็ต้องมาที่วัดอรัญเคเล ป่าไม้สีเขียวที่รายล้อมอยู่จะให้ความผ่อนคลายและสุขสดชื่นได้ในทันทีและอย่างสมบูรณ์ โดยหลักแล้วไม่ได้มีความตั้งใจที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์ แต่ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นวัดป่าโบราณมาก่อน
ชื่ออรัญเคเล หมายถึงอาศรมที่พระอรหันต์เคยพำนักอยู่ มีผู้พบเห็นว่าพระสงฆ์ชื่อดังอย่างพระอรหันต์มัลยะเทวะเถโรเคยมาพำนักอยู่ที่นี่ กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมีพระภิกษุจำนวน 18 รูปที่ฝึกวิธีการวิปัสสนาทั้งแบบใหม่และเก่าอยู่ในอาศรม คาดว่าอาศรมที่นี่น่าจะถูกสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 8
พระที่อาศัยอยู่ที่นี่เรียกว่าปันสุคุลิกะ ซึ่งมีความหมายว่าเศษจีวร เมื่อมาอยู่ที่นี่พระต้องให้สัตยาบันว่าจะห่มจีวรที่ทำจากเศษผ้าเท่านั้น ลักษณะพิเศษของสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ก็คือเป็นอาคารแบบยกพื้นสูงที่สร้างโดยกำแพงหินขนาดใหญ่เป็นคู่ ๆ เชื่อมด้วยสะพานหิน อาคารเหล่านี้ยังล้อมรอบด้วยรางน้ำเพื่อทำให้ภายในมีอากาศเย็นสบาย
มีบางคนกล่าวว่าเพียงแค่นั่งบนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งทอดร่มเงาอยู่เหนือศูนย์ปฏิบัติธรรมและวิปัสสนาเดคันดุวาละสำหรับภิกษุนีที่คานันวิละ โฮรานะ และซึมซับสภาพแวดล้อมรอบๆ กายก็เหมือนกับได้วิปัสสนาแล้ว
ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ที่ทอดตัวอยู่ในพื้นที่ 20 เอเคอร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1993 โดยพระคุณเจ้าคิรามะ วิมาลาโชติเถโรเพื่อเติมเต็มช่องว่างของศูนย์วิปัสสนาโดยการรองรับได้ทั้งพระสงฆ์และคนทั่วไป ทั้งคนท้องถิ่นและต่างชาติ
สนาธะ สุวายะ เป็นศูนย์วิปัสสนาและสุขภาวะแบบองค์รวมในเขตทางตอนกลางของศรีลังกา ซึ่งเป็นที่สำหรับการเรียนและฝึกฝนการเจริญสติและการบำบัดแบบองค์รวม
สนาธะ สุวายะถูกสร้างให้เป็นที่สำหรับการหารือ เรียนรู้ ฝึกจิตและกาย สำรวจ เติบโต เผยแพร่ ชุมนุม และเปิดรับประสบการณ์
สนาธะ สุวายะ ไม่ใช่องค์กรศาสนาและไม่ได้ส่งเสริมปรัชญาใดปรัชญาหนึ่งเหนือปรัชญาอื่น ในฐานะศูนย์ “สุขภาพ” ที่นี่ทำงานเพื่อสร้างพื้นที่ความสงบสุขโดยมอบประสบการณ์และการบริการที่สมบูรณ์หลากหลายให้
ศูนย์วิปัสสนาพาโกดะ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 49/2 ซอย 2 ถนนพาโกดะ ที่นุเกโกดะ โดยมีพระคุณเจ้าโอลันดา อนันดา พระชาวดัตช์อาวุโสชื่อดังเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง ท่านสามารถพูดภาษาสิงหลได้อย่างคล่องแคล่วและสอนวิปัสสนามานานทั้งที่ศรีลังกาและต่างประเทศ
มูลนิธินิสาละเป็นสถานที่ซึ่งเชี่ยวชาญในการเล่นโยคะ และการเจริญสติโดยการปฏิบัติ ตั้งอยู่ในอุดุดุมบาระ ในพื้นที่ราบสูงตอนกลางของประเทศศรีลังกา โดยเปิดรับผู้เข้าฝึกในทุกระดับ ตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงระดับกลาง และขั้นสูง มูลนิธิดังกล่าวถูกจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2014 มีการสอนทั้งการฝึกจิตแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ เพื่อจิตให้เข้าสู่ภาวะลึกสุดของการตระหนักรู้ และการทำจิตให้บริสุทธิ์อย่างมีพลัง สถานที่ดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาศรีลังกา มีส่วนร่วมในทางโลกไปพร้อมกับการฝึกจิต เข้าสู่ภาวะตระหนักรู้ที่ดำดิ่งลึกลงไปจนเป็นการผ่อนคลาย สงบ และตื่นรู้
และเพื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ศูนย์ฝึกดังกล่าวจึงตั้งอยู่ที่ราบสูงที่มองเห็นทิวเขาอันงดงาม โอบล้อมไปด้วยป่าอนุรักษ์ ทุ่งข้าว และบ้านเรือนในสมัยเก่าแก่โบราณ ห่างไกลจากความวุ่นวายในเมือง นับเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งต่อการพักผ่อนหย่อนใจ